10 Napkin Presentations

สวัสดีครับทุกคน ที่ได้เข้ามาสู่หน้านี้ เรามาทำความเข้าใจกันนิดนึงแล้วกันนะครับ เนื้อหาทั้งหมดที่อยู่ในหน้านี้จะเป็นบันไดที่จะทำให้เราก้าวข้ามไปอีกฟากหนึ่งของชีวิตซึ่งบางคนอาจไม่เคยสัมผัส ครั้งแรกที่ผมได้รับรู้เรื่องราวต่างๆ ผมก็ลังเลมากๆ แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจที่จะลองก้าวข้ามมา และตอนนี้ผมก็ได้รับรู้แล้วว่า ฟากนี้มันมีความสวยงามซ่อนอยู่ ผมจะไม่กลับไปฟากเดิมอีกแล้ว ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม (คนในไม่อยากออก คนนอกไม่อยากเข้า)
เรามีสิทธิ์เลือกทางเดินของเราเองครับ อย่าให้ความเชื่อเดิมๆ มาบีบบังคับเราแล้วจะต้องเชื่อตามๆกันไปจนถึงวันตายครับ พอกันทีชีวิตที่ต้องตื่นเช้า โหนรถเมล์ ไปทำงาน มีเวลากินข้าวแค่ 1 ชม. กลับบ้านแล้วก็ล้มตัวลงนอน ชีวิตบัดซบแบบนี้พอกันที และผมขอไว้อาลัยแก่ผู้ที่ไม่กล้าแม้แต่จะคิดที่จะก้าวข้ามมา


แนะนำสู่การตลาดแบบเครือข่าย

การตลาดแบบเครือข่าย (Network Marketing) เป็นวิธีการนำสินค้าไปสู่ผู้บริโภคที่เติบโตรวดเร็วที่สุด และมีการเข้าใจผิดมากที่สุดในปัจจุบัน ในช่วงปี 1990 ผลิตภัณฑ์และการบริการมูลค่ามากกว่า หลายหมื่นล้านบาท เคลื่อนไหวผ่านบริษัทการตลาดแบบเครื่อข่ายในทุกๆ ปี ขณะนี้เรากำลังเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 "ให้คอยจับตาดูให้ดีดี"

แต่ ก่อนที่จะนำไปสู่รายละเอียดของความรู้ ที่เรียกว่า "Ten Napkin Presentation" ขอให้ผมได้ตอบคำถามที่ถูกถามบ่อยที่สุด และมักจะเป็นพื้นฐานในบรรดาคำถามทั้งหมด นั่นคือ "การตลาดแบบเครือข่ายคืออะไร ?"

ให้เรามาแยกอธิบาย การตลาดโดยง่ายๆ แล้วหมายถึง การเคลื่อนไหวผลิตภัณฑ์ หรือการบริการจากโรงงานหรือผู้ผลิตไปยังผู้บริโภคนั้นเอง

จริงๆ แล้ว มีวิธีการพื้นฐานอยู่แค่ 3 วิธีในการเคลื่อนไหวผลิตภัณฑ์

1. การขายปลีก: ผมแน่ใจว่าเราคุ้นเคยกับการขายปลีก ร้านขายของชำ ร้านขายยา ห้างสรรพสินค้า พวกเราเข้าไปในร้านและซื้อบางอย่าง นี่คือ การขายปลีก

2. การขายตรง: โดยปกติแล้ว  ได้แก่ การขายประกัน เครื่องครัว สารานุกรม สาวมิสทีน สาวเอวอน ปาร์ตี้ทัพเปอร์แวร์ที่บ้าน เหล่านี้คือตัวอย่างของการขายตรง

3. การตลาดแบบเครือข่าย: คือสิ่งที่เราจะพูดกัน ดังนั้นไม่ควรสับสนกับสองประเภทที่กล่าวมาแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับวิธีการขายตรง ซึ่งบ่อยครั้งการตลาดแบบเครือข่ายมักจะถูกนำไปใช้อย่างสับสนร่วมกันกับการขายตรง ผมเกลียดคำว่า "ขายตรง"

ประเภทที่ 4 บ่อยครั้งก็สับสนกับการตลาดแบบเครือข่าย มันคือ การขายแบบปิรามิด (แชร์ลูกโซ่) ที่แท้จริงแล้วธุรกิจปิรามิดเป็นสิ่งที่ผิดกฏหมาย เหตุผลสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้มันผิดกฏหมาย ก็คือมันล้มเหลวก่อนที่จะเคลื่อนไหวผลิตภัณฑ์หรือการให้บริการ

อุปสรรค ส่วนใหญ่ของผู้ที่เข้ามาเกี่ยวข้องในการตลาดแบบเครือข่าย ก็คือ พวกเขาไม่ทราบจริงๆ ถึงความแตกต่างระหว่าง การตลาดแบบเครือข่าย และการขายตรง ความสับสนนี้เกิดขึ้นได้กับทุกคน แม้แต่ตัวผมในอดีต

มา ถึงตอนนี้ ให้จำไว้ว่าการขายตรง คือ การขายแบบเคาะประตูหน้าบ้าน และนี่คือเหตุผลในความเชื่อของทุกคน เพราะครั้งแรกทุกคนมักเผชิญหน้ากับ นักขายตรงที่มาเคาะประตูบ้าน เพื่อขายบางอย่างแก่เรา

มีประเด็น สำคัญบางอย่าง ที่ทำให้การตลาดแบบเครือข่ายแตกต่างจากการขายปลีกและการขายตรง สิ่งที่แตกต่างซึ่งสำคัญที่สุดประการหนึ่งก็คือในการตลาดแบบเครือข่าย ท่านอยู่ในธุรกิจเพื่อช่วยเหลือตัวเราเอง และช่วยเหลือผู้อื่นไปพร้อมๆกัน

การอยู่ในธุรกิจเพื่อช่วยเหลือเราเอง ก็คือการที่เราซื้อผลิตภัณฑ์ในราคาส่ง เพื่อเซฟค่าใช้จ่ายและอยากได้ของดี จากบริษัทที่เราเป็นสมาชิก นั่นหมายความว่า เราจะต้องใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อบริโภคเอง หลายคนเข้าร่วมในบริษัทเป็นครั้งแรก ก็เพราะเหตุผลนี้เพียงอย่างเดียว คือซื้อสินค้าในราคาส่ง และสินค้าเป็นของที่ดีมากๆ เพื่อบริโภคเองและเพื่อตัวเราเอง

เนื่องจากการที่เราซื้อผลิตภัณฑ์ใน ราคาส่ง หากเราอยากขาย ผลิตภัณฑ์เหล่านั้นใน ราคาปลีก และเอากำไรก็ได้    ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการตลาดเครือข่าย  ก็คือ  มีคนบอกว่าเรา จำเป็นจะต้องขายปลีกจึงจะประสบความสำเร็จ และ บางบริษัทถึงกับกำหนดยอดขายปลีกเพื่อจะบรรลุคุณสมบัติที่จะได้รับโบนัส เราอาจจะขายก็ได้ถ้าเราต้องการหรือจำเป็นต้องทำ เพื่อบรรลุข้อกำหนดของบริษัท แต่ในการที่จะมีรายได้มหาศาลนั้น ความสำเร็จที่แท้จริงก็คือ"การสร้างองค์กร" ไม่ใช่การขายปลีก ผมเกลียดการขาย

ประเด็นสำคัญ: ขอให้การขายของเราเป็นผลมาจากการสร้างองค์กรโดยธรรมชาติ คนส่วนใหญ่ล้มเหลวมากกว่าที่จะสำเร็จ พวกเขาพยายามสร้างองค์กรโดยเน้นการขาย ขณะที่เราอ่านบทความต่อๆไป เราจะเห็นแนวความคิดเหล่านี้ชัดเจนยิ่งขึ้น อ่านต่อไปครับ

แน่นอน คำว่า "การขาย" มักจะเป็นความคิดทางลบอยู่ในสมองของผู้คนถึง 95% แต่ในการตลาดแบบเครือข่ายจำไว้เราไม่จำเป็นต้อง "ขาย" ผลิตภัณฑ์ตามความเข้าใจของโลก

ผู้เชี่ยวชาญจึงได้ให้คำจัดกัดความว่า การขาย คือการการพยายามพูดกับคนแปลกหน้า เพื่อขายบางสิ่งที่เขาไม่อยากได้ให้กับเขา จงจำไว้

แต่ผลิตภัณฑ์จำเป็นต้องเคลื่อนไหว มิเช่นนั้นจะไม่มีใครจ่ายเงิน !!!

ดังนั้น คำว่า การตลาดแบบเครือข่าย ก็คือ เมื่อเราสร้างองค์กรหนึ่งขึ้นมา จริงๆ แล้วเรากำลังสร้างเครือข่ายซึ่งจะเป็นช่องทางให้ผลิตภัณฑ์ของเราไหลผ่านไปเองโดยธรรมชาติ โดยเราแค่ แบ่งปัน มันให้กับเพื่อนๆ เพื่อนบ้าน และญาติของเราก่อน และนี่คือการช่วยเหลือผู้อื่น

บริษัท การตลาดแบบเครือข่ายแบบชั้นดีเกือบทั้งหมด  ไม่จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมากมายมหาศาลไปกับการโฆษณา  การโฆษณาที่มีประสิทธิภาพสูงสุดก็คือ  ปากต่อปาก  เพราะเหตุนี้เขาจึงเหลือเงินมากมายที่จะไปพัฒนาผลิตภัณฑ์ผลก็คือพวกเขามักจะ มีผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงกว่าสินค้าที่วางขายปลีกในร้านค้าท่านสามารถแบ่งปันสินค้า ที่มีคุณภาพสูงที่เขากำลังใช้อยู่แล้วให้แก่เพื่อน  เราเพียงแต่ให้เขาเปลี่ยนจากยี่ห้อเก่ามาให้ใช้ยี่ห้อใหม่ที่เราเพิ่งค้น พบด้วยประสบการณ์ของเราเองว่ามันดีกว่า

เห็นหรือยังว่า  มันไม่ใช่การไปเคาะประตูหรือโทรศัพท์ไปหาคนแปลกหน้าทุกวัน  ในบริษัทเครือข่ายทั้งหมดที่ผมรู้จัก พวกเขาสอนวิธีง่ายๆในการแบ่งปันคุณภาพของผลิตภัณฑ์หรือบริการให้แก่เพื่อน นั่นแหละที่ “การขาย” เข้ามาเกี่ยวข้องทั้งหมด ( ที่เราใช้คำว่า “การแบ่งปัน” เพราะมันเป็นเช่นนั้นจริงๆ)

อีกอย่างหนึ่งที่การตลาดแบบเครือข่าย  แตกต่างจากการขายตรง  ก็คือ การสปอนเซอร์ (Sponsoring) หรือ  “การหาสมาชิกใหม่” (Recruiting) อย่างไรก็ตาม “การสปอนเซอร์” และ “ การหาสมาชิกใหม่” มีความหมายที่ไม่เหมือนกัน  การ สปอนเซอร์  คือ การสอนเขาถึงวิธีที่เรากำลังทำอยู่ – เป็นการสร้างธุรกิจให้กับตัวของเขาเอง

เรา ขอย้ำว่า :  มีข้อแตกต่างระหว่างการสปอนเซอร์ใครบางคน  และการ “ให้เขาเซ็นใบสมัคร” เมื่อท่านสปอนเซอร์ใครสักคนท่านกำลังให้คำมั่นกับเขาถึงความสวยงามของระบบธุรกิจเครือข่าย  แต่ถ้าท่านไม่ได้ให้คำมั่น แสดงว่าท่านไม่ตั้งใจที่จะให้บริการ  และหลอกเขาให้เซ็นใบสมัคร

มันเป็นความรับผิดชอบของ ผู้สปอนเซอร์  ที่จะสอนผู้คนที่เขานำเข้ามาสู่ธุรกิจในทุกเรื่องที่เขารู้เกี่ยวกับธุรกิจนั้น  สิ่งเหล่านั้น  ได้แก่  การสั่งผลิตภัณฑ์  การเก็บบันทึก วิธีเริ่มธุรกิจ  วิธีการสร้าง  และ  ฝึกอบรมองค์กร  ฯลฯ 
การสปอนเซอร์ ทำให้ธุรกิจการตลาดแบบเครือข่ายเติบโต  ขณะที่องค์กรของเราเติบโต เราเองก็กลายมาเป็นนักธุรกิจอิสระที่ประสบความสำเร็จ ท่านก็จะเป็นนายของตัวเอง

ถ้าเราทำงานอยู่กับบริษัทขายตรง และเราตัดสินใจออกจากบริษัทนั้นและย้ายไปอยู่ในท้องที่อื่น  เราจะต้องยุติและเริ่มทำงานของเราใหม่อีกครั้งหนึ่ง แต่บริษัทการตลาดแบบเครือข่าย  ส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดที่ผมรู้จัก  เราสามารถย้ายไปท้องที่ไหนก็ได้ในประเทศ หรือ นอกประเทศ  และสปอนเซอร์ผู้คนโดยไม่ต้องสูญเสียยอดขายของกลุ่มที่เราทิ้งไว้เบื้องหลัง

ในบริษัทการตลาดแบบเครือข่ายเราสามารถทำเงินได้มากมาย  ในบางบริษัทอาจใช้เวลายาวนานบ้างเล็กน้อย  แต่การทำเงินมากมายนั้นมาจากการสร้างองค์กร  ไม่ใช่การขายผลิตภัณฑ์  เพื่อให้มั่นใจว่าท่านสามารถมีชีวิตที่ดีในการทำงาน  โดยไม่ต้องขายผลิตภัณฑ์ – ท่านต้องกำหนดอนาคตของตัวเองโดยการสร้างองค์กรในขณะที่ท่านกำลังเริ่มต้น

มีคนมากมายที่เริ่มธุรกิจการตลาดแบบเครือข่ายโดยความคิดว่าจะทำเงินแค่เล็ก น้อยต่อเดือนและทันทีหลังจากที่เขาตระหนักว่าเขาจะเริ่มเอาจริงกับธุรกิจนี้ เขาสามารถทำเงินได้มากมายมหาศาลอีกครั้งหนึ่ง  ขอให้ระลึกไว้เสมอว่าไม่มีใครสามารถทำเงินได้ขนาดนั้นเพียงแค่ขายผลิตภัณฑ์ เท่านั้น – เขาทำเงินได้ขนาดนั้นโดยการสร้างองค์กร

นั่นคือจุดประสงค์ของหนังสือเล่มนี้ : เพื่อสอนเราถึงสิ่งต่างๆ ที่เราจำเป็นต้องรู้  เพื่อจะสามารถสร้างองค์กร  และสร้างมันอย่างรวดเร็ว  เพื่อที่จะพัฒนาทัศนคติที่ถูกต้องเกี่ยวกับการตลาดแบบเครือข่าย
และ หากตอนนี้ใครยังมีทัศนคติเดิมๆ ว่านี่คือ การขาย ผมขอท้าให้ลองเปิดใจแล้วเข้ามาดูของจริง ( โทร.081-963-9306 Big ครับ )

และอีกข้อหนึ่ง หากมีใครสักคนคิดว่าการตลาดแบบเครือข่ายผิดกฎหมาย  และมีความเข้าใจว่า  มันเป็นแชร์ลูกโซ่ ( และเขาก็จะทำตามความเข้าใจนั้น) เราก็มีปัญหาในการสปอนเซอร์เขา

เราต้องสอนเขา  ถึงความจริงที่จะลบทัศนคติดังกล่าว  ซึ่งเข้าใจผิดเกี่ยวกับองค์กรการตลาดแบบเครือข่ายที่แท้จริง  ว่ามันไม่ใช่  ปิรามิด  ตัวอย่างหนึ่งที่เราสามารถแสดงให้เขาเห็นก็คือ

ปิระมิดจะสร้างจากยอดลงล่าง  ซึ่งคนที่จะเริ่มต้นเท่านั้นที่สามารถขึ้นสู่ตำแหน่งสูงและรวยได้  แต่ในสามเหลี่ยม  “การตลาดแบบเครือข่าย ”  ทุกคนเริ่มต้นจากข้างล่าง  และมีโอกาสที่จะสร้างองค์กรให้ใหญ่ขึ้น และ ใหญ่ขึ้น  เขาสามารถสร้างองค์กรของเขาให้ใหญ่กว่าองค์กรของผู้สปอนเซอร์ของเขาหลายเท่าได้เลย  ถ้าเขาต้องการ และนี่คือความแตกต่าง

หากจะอธิบายถึงความแตกต่าง ระหว่าง การขายปลีก ขายตรง และ การตลาดแบบเครือข่าย ให้เราอธิบายโดยการใช้นิ้วสามนิ้วของเรา อธิบายถึงความแตกต่าง เราก็สามารถเริ่มต้นได้ดีในการสปอนเซอร์เขา และ หากจะอธิบายเรื่องแชร์ลูกโซ่ ก็ตามที่บอกไปแล้ว

ทั้งหมดนี้คือ ทุกอย่างที่ติดอยู่ในใจของเราทุกคนก่อนที่จะก้าวเข้ามาสู่การตลาดแบบเครือข่าย นอกเหนือจากนั้น คือ ข้ออ้าง เราจงปล่อยเขาไป 

คนส่วนใหญ่ยังไม่ตระหนักว่าการตลาดแบบเครือข่าย จะใหญ่ถึงขนาดนั้น! การตลาดแบบเครือข่ายมีอยู่ในท่ามกลางพวกเรามาเกือบ  60 ปีแล้ว บางบริษัทที่มีอายุประมาณ  50 ปีสามารถทำยอดขายได้ถึงสองแสนล้านบาทต่อปี อนาคตจะมีคนที่เข้าใจมันมากขึ้น ลงมือ เดี๋ยวนี้

ผมรู้จักบริษัทหนึ่งที่ทำยอด ขายมากกว่า  400 ล้านบาทในการเริ่มต้นเพียงปีแรก พอในปีที่สองพวกเขาทำยอดขายมากกว่า 1,000 ล้านบาท  และตอนนี้กำลังก้าวสู่ปีที่สาม  ยอดขายของเขาจะพุ่งขึ้นถึงเท่าไหร่ในปีนี้  แต่เป้าหมายของเขาก็คือต้องทะลุ  25,000 ล้านบาท  ในตอนสิ้นสุดปีที่ห้า  หลักการต่างๆ ที่อธิบายไว้ในหนังสือเล่มนี้จะทำให้เป้าหมายดังกล่าวเป็นจริง  ซึ่งการเริ่มต้นอย่างรวดเร็วสวยงามนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน 3 ปีต่อจากนี้ไปนี่คือ โอกาสของทุกคน จงเปิดใจแล้วก้าวเข้ามา เพราะผมเจอ บริษัทที่สุดยอด แผนการตลาดที่ดีที่สุดในโลก ทีมงานที่ดีเยี่ยม ระบบ 4-5-4-5 ที่จะทำให้ทุกคนประสบความสำเร็จได้ และ ผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุด เป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุด ไม่มีใครเลียนแบบได้ และ บริษัทนี้ก็คือ Agel
I am Lertpiya Intarasombut "I AM AGEL"